เห็นใจจริงๆ ค่ะ เพราะการใช้ยาขับหรือละลายเสมหะอาจไม่ได้ผลในผู้ป่วยบางราย แต่ก็ไม่อยากให้หายาทานเอง เพราะผู้ป่วยไอจากมะเร็ง ไม่ใช่ไอจากโรคหวัด หรือมีเสมหะทั่วไป การใช้ยาลดอาการไอควรแพทย์ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ขอแนะนำเป็นสมุนไพรแบบไทยๆ เพื่อบรรเทาอาการไอดีกว่าค่ะ แม้ได้ผลช้าหน่อย แต่ก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย และใช้ได้ต่อเนื่องระยะยาว สูตรสมุนไพรไทยแก้ไอ กระเทียม : ใช้กระเทียมและขิงสดอย่างละเท่ากัน ตำละเอียดละลายกับน้ำอ้อยสด คั้นน้ำจิบแก้ไอขับเสมหะและทำให้เสมหะแห้ง หรือคั้นกระเทียมกับน้ำมะนาว เติมเกลือใช้จิบหรือกวาดคอก็ได้
ขิง : มีวิธีใช้ขิงเป็นยาแก้ไออยู่หลายวิธี อาจใช้ต้มกับน้ำพอเดือด ชงด้วยน้ำเดือด คั้นน้ำขิงโดยใช้กระสายยา คือ น้ำมะนาวก็ได้ ขนาดที่ใช้ตั้งแต่ 5-30 กรัม ทั้งนี้เนื่องจากขิงเป็นอาหารและไม่ปรากฏความเป็นพิษ ขนาดรับประทานจึงขึ้นกับความชอบของผู้ใช้ด้วย
ดีปลี : สำหรับการไอมีเสมหะ ควรใช้ดีปลีประมาณครึ่งผล ตำละเอียดเติมน้ำมะนาว และเกลือเล็กน้อย กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ
มะนาว : ใช้น้ำมะนาว 1 ถ้วยชา ผสมน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือเล็กน้อย ชงน้ำอุ่นดื่มบ่อยๆ หรือน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ จิบแก้ไอ นอกจากนี้น้ำมะนาวยังใช้เป็นน้ำกระสายยาของสมุนไพรที่ใช้แก้ไออื่นๆ เช่น ดีปลี กระเทียม เป็นต้น
มะขาม : ใช้มะขามเปียก 3 กรัม จิ้มเกลือรับประทาน มะขามเปียกอาจมีเชื้อโรคและทำให้ท้องเสียได้ จึงควรนำมะขามเปียกมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย จะได้ยาขับเสมหะที่มีรสกลมกล่อม ข้อควรระวัง มะขามเปียกมีฤทธิ์เป็นยาระบายด้วย จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป
มะขามป้อม : ใช้ผลสด ตำคั้นน้ำดื่มหรือกัดเนื้อเคี้ยวอมบ่อยๆ
มะแว้ง : ใช้ผลสด 5-10 ผล โขลกพอแตกคั้นเอาแต่น้ำใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ เวลาไอ และแนะนำเพิ่ิมให้ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ และการอยู่ในบรรยากาศที่มีความชื้นสูงจะช่วยทำให้เสมหะไม่เหนียวและหลุดออกมาได้ง่ายค่ะ
คุณ kunyavee คงต้องให้้ผ้าพันคอตลอดนะคะ และปกปิดเลยหน้าตรงช่วงอกด้วย เพื่อให้บริเวณคอและหน้าอกอบอุ่นตลอดค่ะ