มะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

วันที่ 14-08-2015 | อ่าน : 5041


    

      โรคมะเร็งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด  
                 (มะเร็งต่อมลูกหมาก)
             

 “จากประสบการณ์ของตัวเองหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า ที่จริงแล้วมะเร็งไม่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างที่คิด อาจจะรักษาหายได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำลังใจของผู้ป่วยเอง การรักษาโรคนี้ต้องรักษาด้วย 2 ทางควบกันไป คือ ต้องรักษาทางกายและทางใจ โดยเฉพาะทางใจต้องมีกำลังใจสู้อย่างเข้มแข็งไม่ท้อถอย ไม่ประมาท พยายามทุกวิถีทางในการเพิ่มความต้านทานของร่างกาย ให้เซลล์มะเร็งอยู่ใต้การควบคุมของเราไม่ให้มันกำเริบฮึกเหิม ให้เขาอยู่ในโอวาทของเรา อย่าปล่อยให้เซลล์ชั่วลอยนวล”

     คราใดที่ผู้ป่วยได้ยินจากคุณหมอหลังมีการตรวจวินิจฉัยทุกอย่างแล้ว ผลออกมาว่า “คุณเป็นมะเร็ง” ผู้ป่วยบางคนอาจถึงกับช็อค ตกตะลึงหน้าซีดเข่าอ่อนเหมือนกับถูกศาลลงอาญา คำพิพากษาว่าคุณกำลังจะถูกประหารชีวิตภายในเวลาที่กำหนด โดยเจ้าตัวซึ่งไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน

     จากนั้นชีวิตของคุณทุกอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง ชีวิตก็เหมือนตกอยู่ภายใต้บรรยากาศอึมครึม มืดมน วุ่นวายไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนไร้วิญญาณ จิตใจเต็มไปด้วยความกังวล เศร้าโศก ท้อแท้ สิ้นหวัง อ้างว้าง สันโดษ

     ในใจทุกวันก็คิดแต่ว่าชีวิตนี้ใกล้ถึงอวสานแล้ว คุณกำลังเดินใกล้เข้าสุสานทุกที ๆ มองไปข้างหน้าก็มีแต่เรื่องน่ากลัวน่าเศร้าทั้งสิ้น เช่น บอกกับตัวเองว่าเตรียมจัดงานศพได้แล้ว


    เรื่องของผมเกิดขึ้นเมื่อประมาณปลายปี 2544 เพราะปัสสาวะมีเลือดปะปนอยู่ จึงไปพบแพทย์ได้ตรวจเลือดในห้องแล็บ พบ PSA ขึ้นถึง 69 ng/ml พร้อมกันนั้นก็ได้ตรวจต่อมลูกหมากผ่านทวารหนัก หมอบอกว่าลูกหมากโต PSA ขึ้นสูงมีโอกาสเป็นมะเร็งมาก จึงให้ตรวจ MRI, CT SCAN, BONE SCAN สุดท้ายเพื่อความแน่ชัดก็เจาะเอาชิ้นเนื้อจากต่อมลูกหมากไปตรวจ ผลออกมาก็คือเป็น “มะเร็งต่อมลูกหมาก” (Adenocarcinoma) อยู่ประมาณระยะที่ 2-3 ตอนนั้นก็ตกใจกลัวพอสมควร มือแปดด้านไม่รู้จะทำตัวยังไง บรรยากาศทั้งครอบครัวอึมครึม เหมือนมีก้อนเมฆดำก้อนใหญ่ครอบคลุมบนหัว ทุกอย่างมืดมนและวุ่นวายไปหมด

     อย่างไรก็ตาม หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน ก็ค่อย ๆ ทำใจได้ สมาชิกในครอบครัวทุกคนเอาใจช่วย ให้กำลังใจและประชุมหารือวางแผนที่จะต่อสู้กับโรคมะเร็ง ผมพยายามค้นหาหนังสือที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งมาศึกษาค้นคว้า และพยายามคุยปรึกษากับผู้รู้ทั้งหลายทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น และสบายใจขึ้น คุณหมอได้แนะนำ

วิธีการรักษา 4 ข้อ ให้เลือกคือ

1. ผ่าตัดต่อมลูกหมาก หรือ ตัดลูกอัณฑะออก

2. ฉายรังสีหรือฝังแร่

3. รักษาด้วยเคมีบำบัด

4. ยาฮอร์โมน

     ผมปฏิเสธข้างต้น 3 ข้อแรกทันที เพราะรู้ว่าตัวเองอายุมากแล้วไม่อยากเสี่ยง ผมปรึกษากับหมอและให้ยารักษาไปก่อนค่อยดูอาการควบคู่กันไป ผมได้ใช้ยา Casodex 50 มิลลิกรัม /วัน ในเวลาเดียวกัน ผมได้กินยาสมุนไพรจีนควบคู่กันไปด้วย ประมาณ 4-5 เดือนผ่านไป ผลการตรวจเช็ค PSA ปรากฏว่าลดลงตามลำดับ อาการต่าง ๆ ก็ดีขึ้น ทำให้ผมยิ่งไม่ยอมผ่าตัดหรือการรักษาด้วยวิธีอื่น เพราะเป็นห่วงผลข้างเคียงจะตามมาจะทำให้คุณภาพชีวิตตกต่ำ ความต้านทานก็จะยิ่งทรุดลง ต่อมาคุณหมอได้เปลี่ยนเป็นยาอีกชนิดหนึ่ง ชื่อ Enantone 3.75 มิลลิกรัม / 1 เดือน และต่อมาเป็น 11.25 มิลลิกรัม / 3 เดือน พวกนี้เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จนเมื่อเดือนมิถุนายน 2546 นี้ ตรวจ PSA ปรากฏว่าลดเหลือ 3.7ng/ml ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ

     ก่อนหน้านั้นวันที่ 17 ธันวาคม 2545 ผมได้ตรวจ MRI ต่อมลูกหมาก เซลล์มะเร็งก็หดลงเหลือ 4.6x3.4x4.2 ซม. (จากผลตรวจของวันที่ 5 มีนาคม 2545 CT SCAN คือ 7x7x5 ซม.) ทุกอย่างได้ผลเป็นที่พอใจพอสมควร ผมเคยได้อ่านจากเอกสารการวิจัยอ้างอิงมีสถิติประมาณ 10% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รักษาหายได้ด้วยตนเอง เหตุผลเพราะในสรีระของร่างกายมนุษย์เรา มีความสามารถที่จะปรับปรุงเซลล์และเพิ่มความต้านทานได้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นผู้ป่วยต้องพยายามหาทุกวิถีทางให้สร้างความต้านทานให้ได้ จากประสบการณ์ส่วนตัว สามารถสรุปได้ดังนี้

1. จิตใจ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต้องทำใจให้สบายๆ ไม่กังวลโศกเศร้า ไม่อารมณ์ร้อนคิดแต่เรื่องดีๆ ทำให้ใจร่าเริง มีสุขอยู่เสมอหัวเราะบ่อย ๆ ให้ร่างกายผ่อนคลาย เวลาว่างก็อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ฟังดนตรีร้องเพลงต่างๆ

2. การเยียวยารักษา (รวมทั้งยาแผนปัจจุบันและสมุนไพร) ต้องร่วมมือกับหมอประจำ

3. อาหารการกิน รวมทั้งเครื่องดื่มต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ต่าง ๆ พยายามรับประทาน ปลา พืชผัก และผลไม้

4. การพักผ่อน ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละประมาณ 7-8 ซม.

5. การออกกำลังกาย ควรทำให้ได้วันละครึ่งชั่วโมง ตามกำลังของตนเอง ไม่ควรหักโหมมาก

     สุดท้ายผมขอย้ำอีกครั้งว่า โรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด โรคนี้จะดีขึ้นหรือเลวลงอยู่ที่การปฏิบัติของแต่ละคน ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องมีอารมณ์ร่าเริง โปร่งใสเสมอ เฉพาะข้อนี้ผมคิดว่าก็รักษาโรคมะเร็งได้อย่างน้อย 50% ขึ้นไป ส่วนอีก 50% เป็นการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ 

ปัจจุบัน ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับภรรยาและลูกหลาน ยังเป็นคนดูแลสุขภาพอย่างดี สม่ำเสมอ และผลตรวจล่าสุดบอกว่าผมพิชิตมะเร็งได้แล้วแน่นอน

     ท้ายที่สุดนี้ผมขออวยพรให้เพื่อนยากที่เป็นโรคมะเร็งทั้งหลาย จงอย่าท้อแท้ ต้องเข้มแข็งมีกำลังใจต่อสู้กับศัตรูอันร้ายกาจนี้ให้สำเร็จ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกับครอบครัวต่อไป ชีวิตนี้ยังมีหวัง จงสู้ต่อไป

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
ตรวจวินิจฉัยมะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้