กรดไหลย้อนเรื้อรัง สัญญาณเตือนมะเร็งหลอดอาหารที่คุณไม่ควรมองข้าม

วันที่ 25-07-2025 | อ่าน : 9


โรคกรดไหลย้อน
ภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก จุกแน่น เรอเปรี้ยว และระคายเคืองคอ กรดไหลย้อนเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคนยุคปัจจุบัน หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งหลอดอาหาร ได้

อาการของกรดไหลย้อน

  • กลืนลำบาก คล้ายมีก้อนอยู่ในคอ
  • แสบร้อนกลางอก โดยเฉพาะหลังอาหารหรือขณะนอนราบ
  • เจ็บคอ ในตอนเช้ามักมีเสมหะอยู่ในลำคอ หรืออาจระคายคอตลอดเวลา
  • มีอาการปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ หรืออาจร้าวไปที่บริเวณคอ
  • เรอบ่อย คลื่นไส้ คล้ายมีอาหารหรือน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาในอกหรือคอ
  • รู้สึกถึงรสขมของน้ำดีหรือรสเปรี้ยวของกรดในคอ

กรดไหลย้อน หากปล่อยทิ้งเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารจริงหรือ

ภาวะ กรดไหลย้อนเรื้อรัง (Chronic GERD) คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่อาจพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งหลอดอาหารในระยะยาว โดยเฉพาะมะเร็งชนิด Adenocarcinoma ที่เกิดขึ้นบริเวณปลายหลอดอาหาร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่กรดจากกระเพาะอาหารมักไหลย้อนขึ้นมาสัมผัสบ่อยที่สุด
เมื่อมีกรดไหลย้อนซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เยื่อบุหลอดอาหารจะเกิดการอักเสบเรื้อรัง และอาจนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า Barrett’s Esophagus ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารให้กลายเป็นลักษณะเซลล์ที่ผิดปกติ หากไม่รักษาหรือดูแล ก็อาจพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด

มะเร็งหลอดอาหาร
มะเร็งที่เกิดขึ้นที่หลอดอาหารซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่มีรูปร่างเป็นท่อยาว ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารจากคอไปที่กระเพาะอาหาร เกิดจากเซลล์ภายในหลอดอาหารมีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในลักษณะของโรคร้าย
มะเร็งหลอดอาหารมี 2 ประเภท

  • มะเร็งหลอดอาหารชนิดอะดีโนคาร์สิโนมา (Adenocarcinoma) เซลล์มะเร็งก่อตัวในต่อมผลิตเมือก มักเกิดที่ส่วนล่างของหลอดอาหาร
  • มะเร็งหลอดอาหารชนิดสความัส (Squamous cell carcinoma) มะเร็งชนิดนี้เกิดขึ้นที่เซลล์อความัสในหลอดอาหาร มักเกิดที่ส่วนบนและกลางของหลอดอาหาร

ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร

โรคมะเร็งหลอดอาหารเป็นโรคที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกัน ได้แก่ พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน สภาพร่างกาย พันธุกรรม ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของมะเร็งหลอดอาหาร แต่มีหลายปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคได้ เช่น

  • อายุ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 45-70 ปีมีความเสี่ยงสูงสุด
  • เพศ เพศชายมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าเพศหญิง 3 เท่า
  • การสูบบุหรี่ ความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นตามปริมาณและระยะเวลาที่สูบบุหรี่
  • การดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารโดยเฉพาะชนิด squamous cell
  • ภาวะของหลอดอาหารที่เรียกว่า Barrett’s esophagus ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดในผู้ที่มีการอักเสบของหลอดอาหารจากกรดในกระเพาะอาหารทำลายเซลล์บุผนังหลอดอาหาร ทำให้เกิดมะเร็งชนิด adenocarcinoma ได้
  • การรับประทานอาหารที่มีผัก ผลไม้ และแร่ธาตุต่ำ
  • ภาวะอ้วน

อาการของมะเร็งหลอดอาหาร

อาการของโรคมะเร็งหลอดอาหารในระยะแรกจะไม่ชัดเจน ผู้ป่วยจำนวนมากกว่าครึ่งเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารก็พบว่ามีการลุกลามไปทั่วร่างกายแล้ว เมื่อเป็นมากขึ้นแล้วอาจมีอาการแสดง ดังนี้

  • กลืนอาหารลำบาก โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารแข็ง เช่น เนื้อสัตว์ ขนมปัง หรือผักสด แต่เมื่อโรคลุกลามขึ้นจนก้อนมะเร็งไปอุดตันทางเดินอาหารก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บ แม้แต่การดื่มน้ำ
  • แน่นหน้าอกหรือแสบร้อนในช่องอก
  • รู้สึกท้องอืด อาหารไม่ย่อย
  • คลื่นไส้
  • สำลักหลังกลืนอาหาร
  • น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ไอ
  • เจ็บบริเวณกระดูกหน้าอกหรือในลำคอ

ป้องกันมะเร็งหลอดอาหารได้อย่างไร

  • การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีเส้นใยสูง
  • น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม 
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
  • ใส่อุปกรณ์ป้องกัน หากต้องทำงานที่สัมผัสกับสารเคมีที่เป็นตัวทำละลายบางชนิด 
  • ฉีดวัคซีน HPV 

ปรึกษามะเร็งฟรี

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลตนเอง หรือ การให้กำลังใจแบบถูกวิธีแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผ่านช่องทางการติดต่อของเรา

Facebook Fanpage: ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง
📞 เบอร์ติดต่อ: 087-678-6026

🌐 เว็บไซต์: https://www.siamca.com/

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ความรู้มะเร็ง
การดูแลผู้ป่วย
การรักษามะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้