วันที่ 21-10-2025 | อ่าน : 17

"อาหารแสลง" มะเร็ง: ความเชื่อที่อันตรายกว่าโรคร้าย

อาหารแสลง: ความเชื่อที่ทำลายสุขภาพมากกว่าโรคร้าย

เมื่อมีใครป่วยเป็นโรคมะเร็ง สิ่งแรกๆ ที่มักจะตามมาคือรายการ "อาหารแสลง" หรือ "อาหารต้องห้าม" ที่ยาวเหยียด ซึ่งถูกส่งต่อกันมาด้วยความปรารถนาดี แต่การจำกัดอาหารสำคัญเหล่านี้อย่างเข้มงวดโดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ อาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อผู้ป่วยมากกว่าตัวโรคเอง

สิ่งที่น่ากลัวกว่ามะเร็ง คือ "ภาวะขาดสารอาหาร" (Malnutrition) มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนไม่น้อยเสียชีวิตจากภาวะขาดสารอาหารมากกว่าการลุกลามของโรคโดยตรง เพราะร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะทนต่อการรักษาหรือต่อสู้กับการติดเชื้อ การจำกัดอาหารสำคัญๆ คือการเร่งให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะนี้ ซึ่งจะทำให้การรักษาล้มเหลว หรือเกิดความล่าช้าในการฟื้นตัว

ไขความจริงเกี่ยวกับ "อาหารต้องห้าม" ยอดฮิต

มาทำความเข้าใจความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอาหารที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "อาหารแสลง" สำหรับผู้ป่วยมะเร็งตามหลักโภชนาการที่ถูกต้อง

ประเด็นที่ถูกกล่าวถึงบ่อยคือเรื่อง เนื้อสัตว์ หลายคนเชื่อว่าเนื้อวัวหรือเนื้อหมูจะไป "เลี้ยงเซลล์มะเร็ง" ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน แม้ว่าการบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป (เช่น ไส้กรอก แฮม) ในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ในคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ป่วยที่กำลังต่อสู้กับโรค โปรตีน คือสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องใช้ในการซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายจากการรักษาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรเน้นการรับประทาน โปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา, ไก่ไม่ติดมัน, ไข่, ถั่ว และเต้าหู้ โดยควรจำกัดการบริโภคเนื้อแดง และ งดเนื้อแปรรูปโดยเด็ดขาด

อีกความเชื่อที่ตามมาติดๆ คือการงด ไข่และนม ด้วยเหตุผลเดียวกันว่ามีโปรตีนสูง ความเชื่อนี้ผิดโดยสิ้นเชิง เพราะการขาดโปรตีนจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและฟื้นตัวช้า ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและย่อยง่าย ส่วนนมก็เป็นแหล่งแคลเซียมและพลังงาน หากผู้ป่วยไม่มีปัญหาการย่อยแลคโตส ก็ไม่จำเป็นต้องงด

สำหรับเรื่อง น้ำตาลและของหวาน ที่ว่ามะเร็งชอบน้ำตาลและต้องงดทุกชนิดนั้น ความจริงคือเซลล์มะเร็งใช้กลูโคส (น้ำตาล) ในการเติบโตสูงกว่าเซลล์ปกติ แต่เซลล์ปกติทุกเซลล์ก็ต้องการกลูโคส ในการทำงานเช่นกัน การงดน้ำตาลจนหมดสิ้นจะทำให้ผู้ป่วยอ่อนเพลีย ขาดพลังงาน สิ่งที่ควรทำคือ จำกัดน้ำตาลเชิงเดี่ยว ที่ไม่ให้คุณค่าทางอาหาร เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม และขนมหวานจัด แต่ยังคงทาน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่มีใยอาหาร เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช และผลไม้ที่ไม่หวานจัดเพื่อรักษาระดับพลังงานของร่างกาย

สุดท้ายคือเรื่อง ของหมักดองและอาหารรสจัด ซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวกระตุ้นโรค ในความเป็นจริง ผู้ป่วยที่กำลังรับการรักษาควรเลี่ยงหรือจำกัดอาหารเหล่านี้ก็จริง แต่เป็นไปเพื่อ ลดอาการข้างเคียง มากกว่าการเลี่ยงตัวโรคโดยตรง เช่น การลดอาหารรสจัดจะช่วยป้องกันอาการท้องเสีย หรือการระคายเคืองแผลในช่องปากที่เกิดจากการทำเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา

โภชนาการที่ถูกต้อง: กุญแจสำคัญสู่การฟื้นฟู

แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การจำกัดอาหารตามความเชื่อ ผู้ป่วยและผู้ดูแลควรหันมาให้ความสำคัญกับหลักโภชนาการที่ได้รับการสนับสนุนจากแพทย์และนักโภชนาการเป็นหลัก นั่นคือการให้ร่างกายได้รับ โปรตีนและพลังงานที่เพียงพอและสูงกว่าคนปกติ เพื่อให้มีกำลังต่อสู้กับโรค

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่ ปรุงสุกใหม่และสะอาด เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมักจะต่ำ จึงต้องหลีกเลี่ยงอาหารดิบหรืออาหารที่ไม่สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ควรทานผักและผลไม้หลากสี ธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อให้ได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระครบถ้วน ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจตัดอาหารใดๆ ออกจากมื้ออาหาร ควรปรึกษา นักกำหนดอาหารวิชาชีพ หรือแพทย์ผู้รักษา เพื่อให้ได้รับแผนโภชนาการที่เหมาะสมกับชนิดของมะเร็งและขั้นตอนการรักษาในปัจจุบัน การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอ คืออาวุธสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สำหรับคนที่กำลังมองหาทางเลือกในการดูแลสุขภาพ ยาน้ำเทียนเซียน คือ ยาตามองค์ความรู้ของแพทย์แผนจีนที่ประกอบไปด้วยสมุนไพร 14 ชนิด มีสรรพคุณในการขับร้อนถอนพิษ บำรุงร่างกาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทั้งในผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง โดยยาน้ำเทียนเซียนได้ผ่านการวิจัยและพัฒนาจากสถาบันวิจัยยาฉางไป๋ซาน ใช้เทคโนโลยีการผลิตมาตรฐาน GMP และถูกรับรองโดย US FDA ให้เป็นอาหารเสริมที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย

การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยยาน้ำจากสมุนไพรจีนธรรมชาติ สามารถสั่งซื้อได้เลยที่ LINE : @tianxian

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง