เลือดจาง กินอย่างไร เพื่อบำรุงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

วันที่ 01-11-2023 | อ่าน : 7099


เลือดจาง กินอย่างไร เพื่อบำรุงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

เลือดจาง กินอย่างไร เพื่อบำรุงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

เลือดจาง กินอย่างไร เพื่อบำรุงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

     ผู้ที่มีปัญหาเลือดจาง อาจต้องการทราบว่า เลือดจาง กิน วิตามิน อะไร จึงจะช่วยบำรุงเซลล์เม็ดแดงให้แข็งแรง โดยทั่วไป โรคเลือดจางจากการขาดวิตามิน มักเกิดจากการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำซึ่งพบอยู่ในอาหารบางชนิด ผู้ที่เป็นโรคเลือดจางจึงควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม ไข่ โยเกิร์ต เครื่องในสัตว์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายและถูกหลักโภชนาการเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายและระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงเป็นโรคอื่น ๆ ได้ด้วย

โรคเลือดจางเกิดจากอะไร
     โรคเลือดจาง (Anaemia) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงที่แข็งแรงไม่เพียงพอหรือมีปริมาณฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงต่ำผิดปกติ ส่งผลให้ไม่สามารถนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ตามปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การขาดธาตุเหล็ก การขาดวิตามินบี 12 การติดเชื้อ ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดได้อย่างเหมาะสม

     โดยทั่วไป อาการของโรคเลือดจางแตกต่างกันไปตามสาเหตุและความรุนแรงของโรค สำหรับโรคเลือดจางจากการขาดวิตามินบี 12 หรือโฟเลต (Folate) เกิดจากร่างกายขาดวิตามินบี 12 จนส่งผลให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่มากผิดปกติจนเซลล์เม็ดเลือดแดงไม่สามารถทำงานได้

โรคเลือดจาง มีอาการอย่างไร
ผู้ที่เป็นโรคเลือดจางจากการขาดวิตามินบี 12 หรือโฟเลต มักมีอาการดังต่อไปนี้

  • อ่อนเพลียรุนแรง
  • ไม่มีแรงทำอะไร
  • รู้สึกชาเหมือนถูกเข็มทิ่ม
  • เจ็บลิ้น ลิ้นแดง
  • ปากมีแผลเปื่อย
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล สับสน สมองเสื่อม
  • มีปัญหาด้านความจำ

เลือดจาง กินอย่างไร เพื่อบำรุงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

เลือดจาง กินวิตามินอะไร
     ผู้ที่มีเลือดจางควรเน้นการรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 12 ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระบวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และส่งเสริมให้ร่างกายมีเซลล์เม็ดเลือดที่เพียงพอในการลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วยบำรุงระบบประสาท ตัวอย่างอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 มีดังนี้

  • ปลาและหอย
  • เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ
  • เครื่องในสัตว์ เช่น ตับหมู ตับไก่ ตับวัว
  • เนื้อสัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด ไก่งวง
  • ไข่เป็ด ไข่ไก่
  • นิวทริชั่นแนล ยีสต์ (Nutritional yeast)
  • นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น โยเกิร์ต ชีส นมไขมันต่ำ

     นอกจากนี้ อาจรับประทานอาหารเสริมวิตามินบี 12 ทั้งนี้ คุณหมออาจแนะนำวิตามินบี 12 ชนิดต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับภาวะของผู้ป่วยที่ขาดวิตามินบี 12 เช่น ไซยาโนโคบาลามิน ( Cyanocobalamin) ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมนำมาใช้รักษาภาวะขาดวิตามินบี 12 มากที่สุด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินที่เพียงพอ

ปริมาณวิตามินบี 12 ที่ร่างกายควรได้รับ
ปริมาณวิตามินบี 12 ที่ร่างกายควรได้รับ อาจแบ่งตามประเภทได้ดังนี้

วิตามินบี 12 ในอาหาร

  • เด็กแรกเกิด- 6 เดือน ควรได้รับอย่างน้อย 0.4 ไมโครกรัม/วัน
  • เด็ก 7-12 เดือน ควรได้รับอย่างน้อย 0.5 ไมโครกรัม/วัน
  • เด็ก 1-3 ปี ควรได้รับอย่างน้อย 0.9 ไมโครกรัม/วัน
  • เด็ก 4-8 ปี ควรได้รับอย่างน้อย 1.2 ไมโครกรัม/วัน
  • เด็ก 9-13 ปี ควรได้รับอย่างน้อย 1.8 ไมโครกรัม/วัน
  • เด็กวัยรุ่น 14-18 ปี ควรได้รับอย่างน้อย 2.4 ไมโครกรัม/วัน
  • คนอายุ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับอย่างน้อย 2.4 ไมโครกรัม/วัน

วิตามินบี 12 ในรูปแบบอาหารเสริม

  • ผู้ใหญ่ควรได้รับไม่เกิน 2.4 ไมโครกรัม/วัน
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับไม่เกิน 2.6 ไมโครกรัม/วัน
  • ผู้หญิงให้นมบุตรควรได้รับไม่เกิน 2.8 ไมโครกรัม/วัน

 

ขอขอบคุณข้อมูล HelloKhunmor

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

อาหารผู้ป่วยมะเร็ง
การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้