อาหารที่ผู้ป่วยมะเร็งไม่ควรกินคู่กัน: รู้ไว้เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

วันที่ 29-04-2025 | อ่าน : 138


อาหารที่ผู้ป่วยมะเร็งไม่ควรกินคู่กัน: รู้ไว้เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

ผู้ป่วยมะเร็งจำเป็นต้องดูแลโภชนาการอย่างเคร่งครัด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับโรคได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บางอาหารเมื่อรับประทานร่วมกันอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง หรืออาจกระตุ้นการอักเสบมากขึ้น

1. นมและผลิตภัณฑ์จากนมกับยาบางชนิด

ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนมักดื่มนมเพื่อเสริมแคลเซียมและโปรตีน แต่หากรับประทาน ร่วมกับยาปฏิชีวนะหรือยาเคมีบำบัดบางชนิด อาจทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้ไม่เต็มที่

เหตุผลที่ไม่ควรกินคู่กัน

  • แคลเซียมในนม สามารถจับกับตัวยา เช่น เตตราไซคลีน (Tetracycline) และ ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง
  • นมอาจเพิ่มการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะผู้ป่วยที่กำลังรับเคมีบำบัด

คำแนะนำ

  • ควรเว้นระยะห่าง 2-3 ชั่วโมง ระหว่างการดื่มนมกับรับประทานยา
  • เลือกนมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์แทน หากต้องการดื่มนมใกล้เวลาทานยา

2. ผักใบเขียวกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin)

ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักโขม บรอกโคลี อุดมด้วยวิตามินเค ซึ่งมีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือด แต่สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin) การกินผักเหล่านี้มากเกินไปอาจลดประสิทธิภาพของยา

เหตุผลที่ไม่ควรกินคู่กัน

  • วิตามินเคช่วยกระตุ้นการแข็งตัวของเลือด ขัดแย้งกับกลไกการทำงานของ Warfarin
  • อาจทำให้เลือดแข็งตัวเร็วเกินไป หรือในทางกลับกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงเลือดออกง่าย

คำแนะนำ

  • ไม่ต้องงดผักใบเขียว แต่ควรรับประทานในปริมาณที่สม่ำเสมอ
  • ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับปริมาณวิตามินเคให้เหมาะสม

3. ผลไม้รสเปรี้ยวกับยาเคมีบำบัด

ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต มีวิตามินซีสูง แต่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่รับประทานยาเคมีบำบัดบางชนิด เกรปฟรุตอาจรบกวนการทำงานของเอนไซม์ในตับ

เหตุผลที่ไม่ควรกินคู่กัน

  • เกรปฟรุตมีสารฟูราโนคูมาริน (Furanocoumarin) ซึ่งยับยั้งเอนไซม์ CYP3A4 ในตับ ทำให้ร่างกายเผาผลาญยาได้ช้าลง
  • อาจทำให้ระดับยาในเลือดสูงขึ้น เสี่ยงต่อผลข้างเคียง

คำแนะนำ

  • หลีกเลี่ยงเกรปฟรุตและน้ำเกรปฟรุตขณะรับยาเคมีบำบัด
  • เลือกผลไม้ชนิดอื่น เช่น แอปเปิ้ล กล้วย แทน

4. เนื้อแดงกับอาหารแปรรูป

เนื้อแดงและอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน มีสารไนเตรตและสารก่อมะเร็ง หากรับประทานร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบ

เหตุผลที่ไม่ควรกินคู่กัน

  • เนื้อแดงมีสารประกอบที่กระตุ้นการอักเสบ
  • อาหารแปรรูปมีสารกันบูด เช่น ไนไตรต์ ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งในร่างกาย

คำแนะนำ

  • หลีกเลี่ยงเนื้อแดงและอาหารแปรรูป
  • เลือกโปรตีนจากปลา ไก่ไร้หนัง ถั่ว และเต้าหู้แทน

5. ชาและกาแฟกับอาหารเสริมธาตุเหล็ก

ผู้ป่วยมะเร็งบางรายอาจมีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก แต่หากดื่ม ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มคาเฟอีน ร่วมกับอาหารเสริมธาตุเหล็ก อาจทำให้ดูดซึมเหล็กได้น้อยลง

เหตุผลที่ไม่ควรกินคู่กัน

  • แทนนินในชาและกาแฟ จับกับธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายดูดซึมไม่ได้
  • อาจทำให้ผู้ป่วยยังคงมีภาวะโลหิตจาง

คำแนะนำ

  • ควรรับประทานอาหารเสริมเหล็กพร้อมน้ำเปล่า หรือน้ำส้มเพื่อเพิ่มการดูดซึม
  • เว้นระยะห่าง 2 ชั่วโมงก่อนดื่มชาหรือกาแฟ

6. อาหารทอดกับน้ำตาลทรายขาว

อาหารทอดและน้ำตาลทรายขาวเป็นอาหารที่ เพิ่มการอักเสบในร่างกาย ซึ่งไม่ดีต่อผู้ป่วยมะเร็ง

เหตุผลที่ไม่ควรกินคู่กัน

  • น้ำมันที่ใช้ทอดซ้ำ อาจมีสารก่อมะเร็ง
  • น้ำตาลทรายขาว เป็นอาหารของเซลล์มะเร็ง (Warburg Effect)

คำแนะนำ

  • หลีกเลี่ยงอาหารทอดและน้ำตาลทรายขาว
  • เลือกน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

อาหารผู้ป่วยะมเร็ง
การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้