โภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง: อาหารที่เหมาะสมในช่วงการรักษาและการฟื้นตัว

วันที่ 02-06-2025 | อ่าน : 66


โภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง: อาหารที่เหมาะสมในช่วงการรักษาและการฟื้นตัว

การต่อสู้กับโรคมะเร็งเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าแล้ว โภชนาการที่เหมาะสม ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และสนับสนุนการฟื้นตัว บทความนี้จะเจาะลึกถึงหลักการโภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งในระยะของการรักษาและช่วงฟื้นตัว เพื่อให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลสามารถวางแผนการรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ทำไมโภชนาการจึงสำคัญสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง?

โรคมะเร็งและการรักษา เช่น เคมีบำบัด รังสีบำบัด การผ่าตัด หรือการรักษามุ่งเป้า (Targeted Therapy) มักส่งผลกระทบต่อร่างกายของผู้ป่วยในหลายด้าน เช่น:

  • ภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition): ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากประสบปัญหาการขาดสารอาหาร เนื่องจากผลข้างเคียงของการรักษาที่ทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือท้องผูก ซึ่งส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ และฟื้นตัวช้า
  • การสูญเสียน้ำหนักและมวลกล้ามเนื้อ: ภาวะ Cachexia หรือการสูญเสียน้ำหนักอย่างรุนแรงและมวลกล้ามเนื้อ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ
  • ภูมิต้านทานลดลง: ร่างกายที่ขาดสารอาหารจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากการรักษา: อาหารที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน แผลในปาก หรืออาการท้องเสีย

ดังนั้น การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถรับมือกับการรักษา ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

หลักการทั่วไปของโภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

โดยทั่วไปแล้ว การวางแผนโภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็งควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ เนื่องจากความต้องการสารอาหารจะแตกต่างกันไปตามชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค การรักษาที่ได้รับ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม หลักการพื้นฐานที่สำคัญประกอบด้วย:

  1. พลังงานที่เพียงพอ: เพื่อรักษาน้ำหนักตัวและมวลกล้ามเนื้อ ป้องกันภาวะทุพโภชนาการ
  2. โปรตีนสูง: สำหรับการซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อที่เสียหาย รักษาภูมิคุ้มกัน และลดการสูญเสียกล้ามเนื้อ
  3. ไขมันดี: เป็นแหล่งพลังงานสำคัญและช่วยในการดูดซึมวิตามินบางชนิด
  4. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: ให้พลังงานที่คงที่และใยอาหาร
  5. วิตามินและแร่ธาตุ: เสริมสร้างภูมิต้านทานและกระบวนการทำงานของร่างกาย
  6. น้ำเปล่า: ป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ เป็นไปอย่างปกติ

อาหารที่เหมาะสมในช่วงการรักษา

ในช่วงการรักษา ผู้ป่วยมักเผชิญกับผลข้างเคียงต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการรับประทานอาหาร ดังนั้น การปรับเปลี่ยนประเภทและวิธีการปรุงอาหารจึงมีความสำคัญ

1. โปรตีน: หัวใจของการฟื้นตัว แหล่งโปรตีนที่ดีได้แก่:

  • เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน: ไก่ ปลา (โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกที่มีโอเมก้า 3 สูง) เนื้อหมู เนื้อวัว
  • ไข่: เป็นแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์และย่อยง่าย
  • ผลิตภัณฑ์นม: นม โยเกิร์ต ชีส (สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาแพ้นม)
  • ถั่วและธัญพืช: ถั่วเหลือง เต้าหู้ ถั่วเลนทิล ถั่วแดง (เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ)

ข้อแนะนำ:

  • เลือกเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึงเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ลองทำอาหารที่มีโปรตีนสูงในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ซุปข้น โจ๊ก หรืออาหารที่นุ่มเคี้ยวง่าย

2. คาร์โบไฮเดรต: แหล่งพลังงานหลัก เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ให้พลังงานอย่างต่อเนื่อง:

  • ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท: มีใยอาหารสูง ช่วยในระบบขับถ่าย
  • เผือก มันเทศ มันฝรั่ง: เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายและให้พลังงาน
  • พาสต้า ธัญพืชไม่ขัดสี: ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์

ข้อแนะนำ:

  • หากมีอาการท้องเสีย ควรงดใยอาหารบางชนิดและเลือกคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวขาว หรือขนมปังขาวชั่วคราว
  • แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ แต่บ่อยขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่อง

3. ไขมัน: พลังงานเข้มข้น เลือกไขมันดีจากแหล่งธรรมชาติ:

  • น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า: สำหรับปรุงอาหาร
  • อะโวคาโด: อุดมไปด้วยไขมันดีและวิตามิน
  • ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช: อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดเจีย (ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ)
  • ปลาทะเลน้ำลึก: แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล ซึ่งมีโอเมก้า 3 สูง ช่วยลดการอักเสบ

ข้อแนะนำ:

  • หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูงจากอาหารแปรรูปหรือเนื้อสัตว์ติดมัน

4. วิตามิน แร่ธาตุ และไฟโตนิวเทรียนท์: เสริมภูมิคุ้มกัน ผักและผลไม้เป็นแหล่งสำคัญของวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดอื่น

  • ผักใบเขียวเข้ม: คะน้า บรอกโคลี ผักโขม
  • ผลไม้หลากสี: เบอร์รี่ ส้ม แอปเปิ้ล มะละกอ
  • พืชตระกูลกระหล่ำ: กระหล่ำปลี กะหล่ำดอก

ข้อแนะนำ:

  • ล้างผักผลไม้ให้สะอาดทุกครั้งเพื่อลดสารเคมีตกค้าง
  • หากมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ควรหลีกเลี่ยงผักผลไม้สดที่ไม่สามารถปอกเปลือกได้ หรือเลือกผักที่ปรุงสุก
  • ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเกี่ยวกับการเสริมวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเติม หากจำเป็น

5. น้ำเปล่า: สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย

ข้อแนะนำ:

  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน หรือตามที่แพทย์แนะนำ
  • อาจดื่มน้ำผลไม้ที่ไม่เติมน้ำตาล ซุปใส หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ (หากมีอาการท้องเสียรุนแรง)

การจัดการผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยอาหาร

  • คลื่นไส้ อาเจียน:
    • รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยขึ้น
    • เลือกอาหารที่ย่อยง่าย รสไม่จัด ไม่มีกลิ่นฉุน
    • หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารมัน
    • ลองดื่มน้ำขิง หรือชาสะระแหน่
    • รับประทานอาหารก่อนหรือหลังการรักษาเล็กน้อย
  • เบื่ออาหาร:
    • เลือกอาหารที่ชอบและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
    • ลองปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหารให้หลากหลาย
    • เสริมด้วยอาหารเสริมทางการแพทย์ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
    • รับประทานอาหารพร้อมคนในครอบครัวเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี
  • แผลในปาก เจ็บคอ:
    • เลือกอาหารอ่อนนุ่ม ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปข้น
    • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด
    • รับประทานอาหารอุณหภูมิห้องหรือเย็น
    • ใช้หลอดดูดเพื่อช่วยในการดื่ม
  • ท้องเสีย:
    • เลือกอาหารที่มีใยอาหารต่ำ เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว
    • ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด นมและผลิตภัณฑ์จากนม (หากมีอาการแพ้แลคโตส)
    • เพิ่มกล้วย แอปเปิ้ลขูด มะละกอดิบ หรือข้าวโอ๊ตสุกที่ช่วยดูดซับน้ำ
  • ท้องผูก:
    • เพิ่มอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี
    • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
    • ออกกำลังกายเบาๆ เท่าที่ทำได้ (ปรึกษาแพทย์ก่อน)
    • พิจารณาการใช้ยาระบายอ่อนๆ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

โภชนาการในช่วงการฟื้นตัว

เมื่อการรักษามะเร็งสิ้นสุดลง ร่างกายจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นตัว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการสร้างเสริมความแข็งแรงและปรับสมดุลของร่างกายอีกครั้ง หลักการโภชนาการในช่วงนี้จะเน้นไปที่:

  • กลับสู่การรับประทานอาหารตามปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป: หากก่อนหน้านี้มีการจำกัดอาหารเนื่องจากผลข้างเคียง ควรค่อยๆ เพิ่มประเภทอาหารที่หลากหลายและครบถ้วน
  • เน้นอาหารต้านการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน:
    • ผักและผลไม้หลากสี: อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
    • ธัญพืชไม่ขัดสี: ให้ใยอาหารและสารอาหาร
    • โปรตีนไม่ติดมัน: สำหรับการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ
    • ไขมันดี: จากปลาทะเลน้ำลึก ถั่ว และเมล็ดพืช
  • รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ: หลีกเลี่ยงภาวะน้ำหนักเกินหรือน้อยเกินไป
  • ดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอ: เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย
  • ลดการบริโภคอาหารแปรรูป น้ำตาลสูง และไขมันอิ่มตัว: เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวและลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือไม่แนะนำสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง (บางชนิดและบางกรณี)

  • อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ หรืออาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุกอย่างทั่วถึง: เช่น ปลาดิบ หอยนางรม ไข่ดิบ นมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • อาหารแปรรูป: ไส้กรอก แฮม เบคอน เนื้อสัตว์แปรรูป เพราะมีโซเดียมและสารกันบูดสูง
  • อาหารไขมันสูง: อาหารทอด อาหารมันๆ
  • อาหารรสจัด: เผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด อาจกระตุ้นผลข้างเคียง
  • น้ำตาลและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง: ควรจำกัดปริมาณ
  • แอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยง
  • สมุนไพรหรืออาหารเสริมที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์: อาจมีปฏิกิริยากับยาหรือการรักษา
  • อาหารที่มีใยอาหารสูงมากเกินไป: อาจต้องระวังในบางช่วงเวลาที่มีอาการท้องเสียรุนแรง หรือแผลในลำไส้

บทบาทของนักโภชนาการ

การปรึกษานักโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนโภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง นักโภชนาการสามารถ:

  • ประเมินภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
  • ให้คำแนะนำด้านอาหารที่เหมาะสมกับชนิดของมะเร็ง การรักษาที่ได้รับ และผลข้างเคียง
  • ช่วยวางแผนเมนูอาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการ
  • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้อาหารเสริมทางการแพทย์อย่างถูกต้อง
  • ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องอาหารที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง

โภชนาการที่ดีเป็นเสาหลักสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีกำลังใจในการต่อสู้กับโรค และส่งเสริมการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ครบถ้วน และปลอดภัย ควบคู่ไปกับการรักษาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง และการปรึกษาแพทย์และนักโภชนาการอย่างใกล้ชิด จะเป็นกุญแจสำคัญในการเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งได้อย่างเข้มแข็งและมีความหวัง

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง

อาหารผู้ป่วยะมเร็ง
การรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง

ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย 213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 ถ.สุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 1011

Copyright © 2021 www.siamca.com ขอสงวนสิทธิ์ ในการนำรูปภาพ หรือ ข้อความในเว็บไซต์ ไปเผยแพร่ หรือ ทำซ้ำ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนจึงจะกระทำได้